บทนำก่อนเข้าเรื่อง

ผลัดถิ่นมาศึกษาอยู่ดินแดนปัตตานี ดารุสสลาม  หรือที่ใครเค้ารู้จักกันในนาม “ลังกาสุกะ” มาเกือบ 4 ปีเต็ม แต่เมื่อถามตัวเองถึงสัญลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดปัตตานี  จำต้องนึกถึงมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีที่เป็นจุดศูนย์รวมของอิสลามมิกชนในพื้นที่ และหากถามตัวเองว่ารู้จักกับมัสยิดแห่งนี้มากน้อยเพียงใด ? กลับต้องตอบกับตัวเองว่า มีความรู้น้อยมากๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมัสยิดแห่งนี้  หากเปรียบเทียบก้อเท่าหางอึ่งกันเลยทีเดียว ...

กระผมจึงอยากที่จะหวนสู่วันวานของสถานที่แห่งนี้ด้วยการเริ่มต้นสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และแล้วก็ได้พบกับข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์หนึ่ง คือเว็บไซต์วารสารรูสะมิแล http://curriculum.pn.psu.ac.th/roosmilae  แหล่งรวบรวมบทความจากวารสารชื่อดังมากมายเกี่ยวกับชายแดนใต้  บทความดังกล่าวชื่อว่า “มัสยิดกลางปัตตานี”  เขียนโดย ดร.พิเชฐ แสงทอง ซึ่งเรียบเรียงไว้อย่างน่าสนใจถึงประวัติความเป็นมาของมัสยิดกลางปัตตานี ว่าแล้วเรามาร่วมย้อนความหลังเมื่อครั้นวันวานของมัสยิดแห่งนี้กันเลยดีกว่าครับ...


เรื่องมีอยู่ว่า...

ในปีพุทธศักราช 2497 รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามว่าเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวปัตตานีส่วนใหญ่นับถืออย่างเคร่งครัด อันจะนำมาซึ่งสันติสุขประกอบกับในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีประชากรนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก  คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติงบประมาณ สำหรับการก่อสร้างมัสยิดกลางปัตตานีขึ้นโดย ฯพณฯ  พลตำรวจเอก เผ่า  ศรียานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้นได้เดินทางมาวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 เวลา 10.00 น.


มัสยิดกลางแห่งนี้ใช้เวลาในการก่อสร้างและตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดารเป็ เวลา 9 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ  ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 ฯพณฯ จอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้เดิน ทางมาประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ และมอบมัสยิดแห่งนี้ให้แก่ชาวไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี โดยให้ตั้งชื่อว่า มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี  มัสยิดกลางปัตตานีนับว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกผสมผสานกับแบบสถาปัตยกรรมอินเดีย สร้างเป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น  ตั้งอยู่บนฐานรูปทรงคล้ายกับ ทัชมาฮาลในอินเดีย  ตรงกลางเป็นอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่ และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้างสูงเด่นเป็นสง่าบริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่  ภายในมัสยิดมีลักษณะเป็นห้องโถงมีระเบียงสองข้าง  ภายในห้องโถงมีบัลลังก์ทรงสูงและแคบเป็นที่สำหรับ คอฏีบยืนอ่านคุฏบะฮ์ในการละหมาดวันศุกร์ หอคอยสองข้างนี้เดิมใช้เป็นหอกลางสำหรับตีกลองเป็นสัญญาณเรียกให้มุสลิมมาร่วมปฏิบัติศาสนกิจ  ต่อมาใช้เป็นที่ติดตั้งลำโพงเครื่องขยายเสียงแทนเสียงกลอง  ปัจจุบันขยายด้านข้างออกไปทั้ง 2 ข้างและสร้างหออะซาน  พร้อมขยายสระน้ำและที่อาบน้ำละหมาดให้ดูสง่างามยิ่งขึ้น ภายในมัสยิดประดับด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม


มัสยิดกลางปัตตานีส่วนใหญ่จะใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ (ละหมาด) วันละ 5 เวลาเป็นกิจวัตรประจำวันใช้ในการละหมาดวันศุกร์ และการละหมาดในวันตรุษต่างๆ โดยมีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ ปัตตานี และพื้นที่อื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในวันศุกร์และวันเสาร์จะมีการบรรยายธรรมะมีผู้ เข้าฟังการบรรยาย ประมาณครั้งละ 3,000 คน  เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในหลักการของศาสนาและเพื่อความถูกต้องในการบำเพ็ญศาสนกิจ

ข้อมูลจาก  http://bit.ly/YQ6DWr