ตลอดระยะเวลา
1
เดือนที่พวกเราทั้ง
4
คน
ได้มีโอกาสไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
และใช้ชีวิตอยู่ในในดูไบ
ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญของพวกเราที่ได้ไปศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในดูไบอย่างมหาวิทยาวอลลองกองในดูไบ
(University
Of Wollongong in Dubai : UOWD)
ทุกวันพวกเราจะโดยสารรถประจำมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็แท็กซี่ไปยังมหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากโรงแรมที่พัก
โดยทุกวันพวกเราจะใช้เวลาเรียนในห้องเรียนเพียงแค่
3
ชั่วโมงเท่านั้น
หลังจากเลิกเรียนพวกเรามักจะนั่งเมตโทรดูไบ
หรือรถไฟฟ้าตะเวนเที่ยวชมเมืองดูไบเพื่อศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่น
พวกเราได้พบเจอและพูดคุย
สื่อสารกับคนต่างชาติตลอดจนชาวอาหรับในสถานที่ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นซูก (ตลาด),
ห้างสรรพสินค้า,
สวนสาธารณะ,
มัสยิด,
พิพิธภัณฑ์
ฯลฯ ส่วนในวันหยุดสุดสัปดาห์
พวกเรามักจะมีนัดกับพี่ๆ
จากสถานกงสุลใหญ่ ณ
เมืองดูไบในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
ที่ทางกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดขึ้น
เช่น กิจกรรมแข่งกีฬาโบว์ลิ้งการกุศลกับสมาคมคนไทยในยูเออี,
กิจกรรมเยี่ยมเยือนนักเรียนไทยในอาบูดาบีย์,
กิจกรรมร่วมเชียร์ทีมไทยในการแข่งขันวอลเล่บอลชิงแชมป์เอเชีย,
กิจกรรมเที่ยวซาฟารี
สัมผัสวิถีชาวเบดูอิน เป็นต้น
ซึ่งทุกกิจกรรมที่ทางกงสุลใหญ่ฯ
ได้จัดขึ้นนั้น
ล้วนแล้วเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์
และสร้างรอยยิ้ม ความสุข
สนุกสนานให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก
ส่วนบรรยากาศการเรียนการสอนในชั้นเรียนอาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นชาวอียิปต์จะมุ่งเน้นให้พวกเราได้เน้นการมีส่วนร่วม
โดยการพูดแสดงมุมมอง ความคิดเห็น
ผ่านกิจกรรมการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ทุกวันอาจารย์จะมอบหมายการบ้านให้พวกเราได้ฝึกฝน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเขียนเรียงความ
รายงาน
และไดอารี่จากผลการศึกษาด้วยตนเองทั้งในและนอกห้องเรียนผ่านหัวข้อที่อาจารย์ได้กำหนดไว้ในแต่ละวัน
เช่น
การเขียนเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมการแต่งงานของชาวไทยและชาวอาหรับ
การเขียนไดอารี่
และการเขียนเล่าเรื่องจากการได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ
ในดูไบ ตลอดจนการเขียนเล่าถึงความประทับใจ
เป็นต้น
และอีกหนึ่งกิจกรรมการเรียนรู้ที่อาจารย์ได้จัดขึ้น
ก็คือ กิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน
กิจกรรมนี้จัดขึ้นทุกวันพฤหัสฯ
ซึ่งพวกเราได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษา
สังคม และวัฒนธรรมร่วมกับนักศึกษาต่างชั้นเรียน
ซึ่งเป็นนักศึกษาต่างชาติ
พวกเราได้มีโอกาสร่วมศึกษา
เรียนรู้ร่วมกันจากการได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ
ในดูไบ อาทิ เช่น มัสยิดจุไมร่า
(Jumeirah
Mosque) มัสยิดประจำเมืองดูไบ,
ร้านอาหารอาหรับเลบานอน
Bazerkan
,
พิพิธภัณฑ์ดูไบ
(Dubai
Museum), ซูกหรือตลาด
(Souk),
ห้างสรรพสินค้าอิบนุ
บัฏฏูเฏาะฮฺ (Ibn
Battuta Mall) เป็นต้น
ทุกกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนนั้น
ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ภาษา
สังคม และวัฒนธรรมของชาวอาหรับได้เป็นอย่างดี
ตลอดจนได้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมอาหรับอย่างแท้จริงอีกด้วย
ส่วนความประทับใจในเมืองดูไบนั้นมีหลายอย่างที่พวกเราต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่า
มันสุดยอดจริงๆ !!
ดูใบเป็นเมืองที่ครองความเป็นสุดไว้ในหลายๆ
เรื่อง
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกัน
เช่น ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกอย่าง
บุร์จคอลีฟะฮ (Burj
Khalifa) , ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง
ดูไบมอล (Dubai
Mall), โรงแรมสุดหรูระดับ
7
ดาว
บนเกาะเทียมที่สูงที่สุดในโลกอย่าง
โรงแรมบูร์จดูไบ (Burj
al-Arab), โครงการหมู่เกาะต้นต้นปาล์มที่มีแห่งเดียวของโลก,
น้ำพุเต้นระบำที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก,
โกว์ซูก
หรือตลาดทอง (Gold
Souk)
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ฯลฯ
แต่สิ่งที่ประทับใจพวกเรามากที่สุดคงจะเป็นตึกระฟ้าบูร์จคอลีฟะฮฺที่ยืนสูงตระหง่าน
โดดเด่นคู่เมืองดูไบ
บูร์จคอลีฟะฮฺอาจจะถือว่าเป็นพระเอกของเมืองนี้ไปแล้วก็ว่าได้
ไม่ว่าเราอยู่ที่ใดในดูไบก็สามารถมองเห็นมันได้ทุกที่ทุกเวลา
และอีกหนึ่งสิ่งที่เราประทับใจและหลงใหลในความงามของมัน
นั่นก็คือ โรงแรมบูร์จอัลอาหรับ
สถานที่แห่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นนางเอกหรือสัญลักษณ์ของดูไบก็ว่าได้
หากเราเดินเล่นตลอดชายหาดจุไมร่า
เราก็จะเห็นมันยืนตระหง่านอวดความงามให้เราเห็นคู่กับชายหาดจุไมร่าซึ่งชายหาดประจำเมืองดูไบนั่นเอง
นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่พวกเราได้ไปเยือนและรู้สึกประทับเป็นอย่างยิ่ง
นั่นก็คือ มัสยิดเชคซายิด
บิน สุลฏอน อาล นะฮฺยาน (Sheikh
Zayed Grand Mosque) หรือที่ชาวเมืองรู้จักกันดีในชื่อ
มัสยิดเชค ซายิด,
มัสยิดอัลกะบีร
หรือมัสยิดเชค ซายิด อัลกะบีร
ตั้งอยู่ในเมืองอบูดาบีย์
(เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
มัสยิดแห่งนี้ถูกจัดว่าเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ
4
ของโลก
เป็นสถานที่ฝังพระศพของเชคซายิด
เจ้าผู้ครองนครรัฐอาบูดาบีย์และประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สถานที่แห่งนี้มีโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของสถาปัตยกรรมอิสลามร่วมสมัยที่ครองความเป็นสุดยอดไว้ในหลายๆ
เรื่องด้วยกัน เช่น
มัสยิดแห่งนี้มีโดมหลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มีผืนพรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นต้น บอกได้ประโยคเดียวเลยว่า
“มันช่างยิ่งใหญ่
และวิจิตรบรรจงอะไรเช่นนี้
!!”
ในการนี้ต้องขอขอบพระคุณทางสถานกงสุลใหญ่
ณ เมืองดูไบ ที่หยิบยื่นโอกาสดีๆ
แบบนี้ให้กับพวกเราทั้ง 4
คนใน
การได้มาศึกษาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้
ถือว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าในการเปิดโลกทัศน์เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ชีวิตในการเรียนรู้ภาษา
สังคม และวัฒนธรรมในต่างประเทศ
และในวาระเดียวกันนี้ต้องขอขอบพระคุณพี่ๆ
กงสุลผู้ใจดีอย่างพี่อ้อม
พี่ชาลี ลุงสำราญ พี่ป่าน
พี่กรณ์ และพี่ตั้ล
จากไทยเทรดที่คอยดูแลช่วยเหลือพวกเรา
และคอยเป็นไกด์พาเที่ยวตลอดระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้
ขอขอบพระคุณท่านคณะบดี
อาจารย์อาหวัง ล่านุ้ย
รองคณะบดี อาจารย์บดินทร์
แวลาเต๊ะ หัวหน้าภาควิชาตะออก
อาจารย์อัสมิง กาเซ็ง
และคณาจารย์ทุกท่านในแผนกภาษาอาหรับ
ที่ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดโครงการดีๆ
แบบนี้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีถัดไปโครงการนี้จะยังคงมีต่อไป
เพื่อสร้างโอกาสกาเรียนรู้ภาษา
สังคม และวัฒนธรรมอาหรับให้แก่นักศึกษาในเอกภาษาอาหรับของเรา
เพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้
และพัฒนาระดับภาษาให้สูงขึ้นไป
ติดตามพวกเราได้ที่
http://huso4dubai.blogspot.com
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment